mourning ribbon

เทศกาลลอยกระทง ระวังเสียงประทัด กระทบหูถาวร ! 🎇👂🏻

เทศกาลลอยกระทง ระวังเสียงประทัด กระทบหูถาวร ! 🎇👂🏻
.

เทศกาลลอยกระทง เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง แต่กิจกรรมบางอย่าง เช่น การจุดพลุและประทัด ที่มาพร้อมกับความดังระดับสูง อาจเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพการได้ยิน มีความอันตรายที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินแบบถาวรได้

.
แหล่งกำเนิดเสียงในช่วงเทศกาลลอยกระทง

• พลุ ดอกไม้ไฟ และประทัด

• เครื่องเสียงจากงานรื่นเริง

.

ความอันตรายจากเสียงดังในช่วงเทศกาลลอยกระทง เสียงประทัดและพลุอาจมีความดังเกิน 120 เดซิเบล เทียบเท่ากับเสียงเครื่องบินขณะขึ้นบิน ซึ่งเสียงเกินระดับนี้เพียงช่วงสั้น ๆ อาจทำให้เกิดความอันตรายต่อการได้ยิน ดังนี้

• สูญเสียการได้ยิน เสียงดังจากพลุและประทัดทำลายเซลล์ขนในหูชั้นใน ทำให้หูตึงแบบชั่วคราวหรือถาวรได้ และหูชั้นในจะถูกทำลายมากขึ้น หากอยู่ในพื้นที่ ที่มีเสียงดังเป็นเวลานาน

• เสียงรบกวนในหู (tinnitus) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยิน เป็นอาการที่รักษาได้ยาก

• หูอื้อ ซึ่งอาจเกิดได้จากการสูญเสียการได้ยิน, เสียงรบกวนในหู หรือ อาการแน่นหู

• หากสัมผัสเสียงจากแรงระเบิดที่รุนแรง อาจทำให้แก้วหูทะลุหรือเวียนศีรษะได้

.

อาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์

• การได้ยินลดลง

• ได้ยินเสียงรบกวนในหูตลอดเวลา

• รู้สึกเจ็บหรือแน่นในหู . แนวทางป้องกันและลดเสียงดัง

• หากจำเป็นต้องอยู่ใกล้เสียงดังเป็นระยะเวลานาน ๆ ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันเช่น ที่อุดหู หรือหากต้องเดินผ่านที่เสียงดังมาก ๆ ให้ใช้นิ้วมือของตนเองอุดหูให้แน่น แล้วรีบเดินออกจากบริเวณที่มีเสียงดัง

• เด็กเล็กและผู้สูงอายุควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ห่างจากแหล่งกำเนิดเสียงดัง

• เลือกทำกิจกรรมที่ลดเสียง เช่น ใช้ดอกไม้ไฟที่มีเสียงเบา

• กำหนดเวลาและพื้นที่เฉพาะ สำหรับการจุดพลุเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น หรือหลีกเลี่ยงการจุดในพื้นที่ชุมชน

.

ความสุขในเทศกาลควรมาพร้อมกับความปลอดภัย เพื่อสุขภาพการได้ยินที่ดีของทุกคน แต่หากเกิดอาการผิดปกติทางการได้ยิน ควรรีบพบแพทย์ทันที

.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: รศ.พญ.ศณัฐธร เชาวน์ศิลป์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เรียบเรียงโดย: นางสาวธัญญลักษณ์ สดสวย นักประชาสัมพันธ์ งานสื่อสารองค์กร และนางสาวจิณณพัต นิลแนม ตำแหน่งนักศึกษาฝึกประสบการณ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ภาพ/ข่าว: กลุ่มงานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่