
นิ่วในถุงน้ำดี โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
.
นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด และมีอาการอย่างไร บางคนเข้าใจผิดคิดว่าแค่ปวดท้องหรือจุกแน่นเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงชีวิตได้
.
น้ำดีและหน้าที่สำคัญ
.
ก่อนจะเข้าใจเรื่องนิ่ว ต้องรู้จัก “น้ำดี” เสียก่อน
.
• น้ำดีถูกสร้างจากตับ มีองค์ประกอบหลักคือ คอเลสเตอรอล กรดน้ำดี เกลือน้ำดี และบิลิรูบิน
• น้ำดีมีหน้าที่ช่วยย่อยไขมันและส่งเสริมการดูดซึมวิตามิน
• เมื่อสร้างขึ้น น้ำดีจะถูกเก็บไว้ที่ ถุงน้ำดี ทำหน้าที่เสมือนอ่างเก็บน้ำ รอจนเรารับประทานอาหาร ถุงน้ำดีจึงบีบตัวปล่อยน้ำดีออกไปสู่ลำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อยอาหารจำพวกไขมัน
.
นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?
.
นิ่วเกิดจากความไม่สมดุล และการตกตะกอนของสารบางชนิดในน้ำดี จนรวมตัวเป็นก้อนแข็งอยู่ในถุงน้ำดี เปรียบเสมือน “ตะกอนในอ่างเก็บน้ำ” โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก 1. นิ่วคอเลสเตอรอล (Cholesterol stone) – พบมากที่สุดถึง 90% 2. นิ่วพิกเมนต์ (Pigment stone) – มักสัมพันธ์กับการติดเชื้อหรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
.
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่ว
.
• น้ำหนักเกิน / อ้วนลงพุง และภาวะไขมันเกาะตับ
• พฤติกรรมการกิน – อาหารไขมันสูง น้ำตาลมาก ไฟเบอร์น้อย
• เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
• การลดน้ำหนักเร็วเกินไป เช่น หลังผ่าตัดลดความอ้วน
• พันธุกรรม หรือโรคเลือด เช่น ธาลัสซีเมีย
• เพศหญิง โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
• อายุที่มากขึ้น
.
อาการที่ควรระวัง
.
• จุกเสียด แน่นท้อง โดยเฉพาะ หลังรับประทานอาหาร 30 นาที – 1 ชั่วโมง
• ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา อาจร้าวไปที่ไหล่หรือสะบักขวา
• อาการปวดอาจเป็นๆ หายๆ หากนิ่วเคลื่อนตัวไปขวางทางไหลของน้ำดีออกจากถุงน้ำดี
• นิ่วในถุงน้ำดีก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการอักเสบเฉียบพลันของหลายอวัยวะ ซึ่งผู้ป่วยต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน อันได้แก่
1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากนิ่วอุดตันทางออกของถุงน้ำดีค่อนข้างแน่น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวามากเป็นเวลานานหลายชั่วโมง บางรายมีไข้สูงร่วมด้วย
2. นิ่วในท่อน้ำดี เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดลงไปอยู่ในท่อน้ำดี ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดภาวะทางเดินน้ำดีติดเชื้อ ผู้ป่วยมักมีอาการตัวตาเหลือง ไข้ หนาวสั่น ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้
3. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันจากนิ่ว ซึ่งเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดลงไปในท่อน้ำดีส่วนปลายที่เปิดรวมกับท่อน้ำย่อยจากตับอ่อน ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องใต้ลิ้นปี่ร้าวไปกลางหลัง อาจจะมีไข้ร่วมด้วย
.
การวินิจฉัย
.
• อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นวิธีที่ช่วยการวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้ค่อนข้างดีและแม่นยำ ร่วมกับเข้าถึงได้ง่าย มีอยู่ตามห้องตรวจและห้องฉุกเฉิน จึงนิยมใช้มากที่สุด
• CT Scan ช่วยการวินิจฉัยนิ่วนถุงน้ำดีได้ในบางราย ที่นิ่วมีหินปูนเกาะ
• MRI/MRCP มีวิธีการที่ใช้วินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้ค่อนข้างแม่นยำในนิ่วที่ขนาดไม่เล็กมาก แต่ไม่นิยมเนื่องจากเข้าถึงยาก มีเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ราคาสูง และมีคิวรอคอยการตรวจค่อนข้างนาน
.
การรักษา
.
ปัจจุบันการรักษานิ่วในถุงน้ำดี ทำโดย การผ่าตัดถุงน้ำดีซึ่งทำได้โดยการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) มีเพียง 3–4 แผล แผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ถ้ามีการอักเสบมาก อาจต้องใส่สายระบายชั่วคราว แล้วผ่าตัดเมื่อการอักเสบลดลง
2. นิ่วในท่อน้ำดี ทำการรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปทางปาก เพื่อไปนำนิ่วออกจากทางเดินน้ำดี จากนั้นจึงทำการผ่าตัดถุงน้ำดี
3. ภาวะทางเดินน้ำดีติดเชื้อ ทำการรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปทางปาก เพื่อไประบายนิ่วออกจากทางเดินน้ำดีลงสู่ลำไส้เล็ก และนำนิ่วออกจากทางเดินน้ำดี จากนั้นจึงทำการผ่าตัดถุงน้ำดี
4. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันจากนิ่ว ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ามีนิ่วค้างในท่อน้ำดีหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องรักษานิ่วในท่อน้ำดีร่วมกับผ่าตัดถุงน้ำดี
.
หลังผ่าตัดถุงน้ำดี ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
.
แม้ถุงน้ำดีจะมีหน้าที่เก็บสะสมน้ำดี แต่เมื่อตัดออกไป ร่างกายยังสามารถสร้างน้ำดีได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่มีที่เก็บสำรอง
• โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงปรับพฤติกรรมการกิน เช่น ลดอาหารไขมันสูง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่
• หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจะไม่มีถุงน้ำดีช่วยเก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ อาจจะมีอาการท้องอืดหลังอาหาร เนื่องจากมีน้ำดีปริมาณไม่มากพอช่วยย่อยอาหารจำพวกไขมัน บางรายอาจจะมีอาการท้องเสียหลังทานอาหาร เนื่องจากน้ำดีไหลหยดลงลำไส้เล็กตลอดเวลา ทำให้เกิดการระคายเคือง ส่วนมากอาการท้องเสียจะค่อยบรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไป
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อ้วน เบาหวาน หรือพันธุกรรม อาการมักเริ่มจากจุกเสียดแน่นท้องหลังมื้ออาหาร หากปล่อยทิ้งไว้ อาจรุนแรงจนถุงน้ำดีอักเสบหรือทะลุได้ การตรวจวินิจฉัยด้วยอัลตราซาวด์สามารถช่วยยืนยัน และการผ่าตัดส่องกล้องคือวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุด
.
ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.พญ.อัษรา เทพบัญชรชัย หน่วยศัลยศาสตร์ตับ ทางเดินน้ำดี และตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช.
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
.
#อืดแน่นท้อง #อย่านิ่งนอนใจ #นิ่วในถุงน้ำดี #สุขภาพดีกับหมอสวนดอก #MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu
