บุคลากรประจำทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ (Thai Sky doctor)
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับรางวัล“HERO Award for sky doctor”

บุคลากรประจำทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ (Thai Sky doctor) โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับรางวัล“HERO Award for sky doctor”บุคลากรประจำทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ (Thai Sky doctor) โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับรางวัล“HERO Award for sky doctor”โดยคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในพิธีมอบรางวัล “HERO Award for sky doctor” แก่บุคลากรประจำทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ ซึ่งช่วยเหลือลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินพื้นที่ห่างไกลในเขตสุขภาพที่ 1


คุณเชิดพงษ์ ปัญญา บุคลากรประจำทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า sky doctor คือการช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ให้รอดชีวิต ซึ่งตนเป็นส่วนหนึ่งของทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ต้องผ่านการอบรมการบิน โดยมีแพทย์และพยาบาลที่ผ่านการอบรม โดยทุนของ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่จะได้รับทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งแพทย์ พยาบาล และนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ เกือบ 20 ท่าน
สำหรับขั้นตอนการส่งต่อผู้ป่วยทางอากาศยานของเขตสุขภาพที่ 1 หากจะมีการส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แพทย์ทั้ง 2 โรงพยาบาลจะมีการประสานกันว่า สมควรต้องส่งมารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่หรือไม่ และจะมีการพิจารณาตามความจำเป็น ถ้าหากประเมินกันแล้วว่า ต้องการเร็วที่สุด อาจจะพิจารณา การส่งต่อผู้ป่วยทางอากาศยาน หลังจากนั้นจึงจะพิจารณาว่า อากาศยานที่มีในขณะนั้น ที่ไหนว่างและสะดวกเหมาะสมที่สุด เพราะว่าเราไม่มีอากาศยานเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยทางทหาร ตำรวจ หรือหน่วยงานอื่นที่มีอากาศยานและทำความตกลงร่วมมือ(MOU)กับสพฉ. หากมีการพิจารณาว่าจะใช้อากาศยานแล้วจะมี แพทย์อำนวยการปฏิบัติการฉุกเฉิน (พอป.) ของเขต มีหน้าที่ในการพิจารณาความเหมาะสมของผู้ป่วย ที่จะลำเลียงทางอากาศ ว่าผู้ป่วยรายนี้จำเป็นต้องบินจริง
และไม่มีข้อห้าม เป็นคนพิจารณาอนุมัติ

ซึ่งแพทย์อำนวยการปฏิบัติการฉุกเฉินนี้จะให้คำปรึกษา รวมทั้งสั่งการทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินได้รับความปลอดภัยสูงสุด
ตลอดการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ ซึ่งรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา ทีมแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ ช่วยลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล เข้าถึงยาก ส่งโรงพยาบาลใหญ่ เพื่อได้รับการรักษารวดเร็ว เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต และลดเวลาการขนส่งลำเลียงยา เวชภัณฑ์ ทางรถยนต์ที่มีความลำบาก ใช้เวลานาน สามารถลดระยะเวลาการเดินทางจากกว่า 5 ชั่วโมง หรือเป็นวันเหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ออกปฏิบัติการไปแล้ว 489 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจหยุดเต้น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ป่วยบาดเจ็บทางศีรษะรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการรักษา ปลอดภัย กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
