แพทย์ มช. เตือนประชาชน ช่วงฤดูฝนระวังเผลอกินเห็ดพิษ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!

0
ข่าวเด่น

 

แพทย์ มช. เตือนประชาชน ช่วงฤดูฝนระวังเผลอกินเห็ดพิษ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!

 

            อากาศเย็นชุ่มฉ่ำในฤดูฝนเป็นช่วงที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเห็ดมากที่สุด เริ่มมีเห็ดเกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนในบางพื้นที่นิยมเก็บเห็ดไปขาย หรือรับประทานกันเองภายในครัวเรือน หากเราเผลอรับประทานเห็ดพิษเข้าไปก็อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน โดยในแต่ละปีมักจะพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษเป็นประจำ นับเป็นความสูญเสียที่ไม่น่าเกิดขึ้นเมื่อต้องพบว่ามีการเสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษทั้งครอบครัว

         

         อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หัวหน้าหน่วยระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า “ช่วงเข้าสู่ฤดูฝนมักจะพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษเป็นประจำทุกปี ในแต่ละปีพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษกว่า 10 ราย และพบผู้ป่วยกว่า 1,000 ราย ซึ่งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดพิษหลายชนิดนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกันมากจึงอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ ดังนั้นเราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับเห็ดแต่ละชนิดให้ดีก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในครอบครัว

       

 

          สำหรับเห็ดที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือ เห็ดระโงกพิษ หรือบางแห่งเรียกว่าเห็ดระโงกหิน เห็ดระงาก ซึ่งเห็ดชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับเห็ดระโงกขาว หรือเห็ดไข่ห่าน ที่สามารถรับประทานได้แต่แตกต่างกันคือ เห็ดระโงกขาวที่รับประทานได้ขอบหมวกมักจะเป็นริ้วคล้ายรอยหวี ส่วนเห็ดระโงกพิษ ปลอกหุ้มโคนเห็ดจะมีก้านสูงกลางดอกหมวกจะนูนเล็กน้อยมีกลิ่นค่อนข้างแรง สำหรับเห็ดระโงกพิษชนิดนี้มีสารที่ทนต่อความร้อน แม้จะปรุงให้สุกดีแล้วเช่น ต้ม แกง ก็ไม่สามารถทำลายสารพิษนั้นได้

        เห็ดพิษมีหลากหลายชนิด สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่มีพิษต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น เห็ดหมากแดง เห็ดไข่หงส์ เห็ดเผาะมีราก อาการหลังรับประทานเห็ดพิษกลุ่มนี้จะทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย โดยจะมีอาการรวดเร็วภายใน 6 ชั่วโมงหลังรับประทาน  2.กลุ่มที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ เช่น เห็ดในกลุ่มระโงก อาการหลังรับประทานเห็ดพิษกลุ่มนี้ จะไม่มีอาการในช่วงแรก โดยอาการเริ่มต้นจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือบางรายอาจมีอาการเกิดขึ้นช้ามากกว่า 10 ชั่วโมงหรือข้ามวันไปแล้ว และหลังจากมีอาการผ่านไปหลายวัน การทำงานของตับจะเริ่มแย่ลง เอนไซม์ตับสูงขึ้น มีภาวะตับอักเสบ หากรุนแรงอาจเกิดตับวายและเสียชีวิตได้ 3.กลุ่มที่มีพิษต่อระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำให้มีอาการซึมชัก และกลุ่มที่ทำให้มีอาการประสาทหลอน เช่นเห็ดขี้ควายเป็นเห็ดพิษที่ขึ้นตามมูลสัตว์ เช่นมูลควาย มีสาร LSD ที่มีฤทธิ์หลอนประสาท ชาวต่างชาตินิยมเสพเห็ดเหล่านี้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีผลต่อจิตใจ อารมณ์ ทำให้รู้สึกสนุกสนาน อารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอาการวิตกกังวลกระวนกระวาย เห็นภาพหลอน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ตัวเห็ดไม่ได้มีพิษแต่เมื่อรับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ จะมีอาการเหมือนคนเมาสุราอย่างหนัก เช่นเห็ดหิ่งห้อย เห็ดน้ำหมึก เห็ดถั่วเป็นต้น

        สำหรับภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ทดสอบความเป็นพิษของเห็ด เช่น การจุ่มช้อนเงินลงไปในหม้อต้มเห็ด ถ้าช้อนเงินกลายเป็นสีดำจะเป็นเห็ดพิษ การนำไปต้มกับข้าวสารถ้าไม่เป็นพิษข้าวสารจะสุก ถ้าเป็นพิษข้าวสารจะสุกๆ ดิบๆ หรือการสังเกตดูจากสีของเห็ดหากเห็ดเป็นสีขาวคือไม่มีพิษ หรือดอกเห็ดที่มีรอยแมลงกัดกินแล้วคนสามารถรับประทานได้ปลอดภัย ฯลฯ วิธีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล

        สุดท้ายนี้อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ ยังได้เน้นย้ำถึงกลุ่มนักเก็บเห็ดป่า หรือชาวบ้านที่เก็บเห็ดป่าเป็นอาชีพให้เก็บเฉพาะเห็ดที่เรามั่นใจและรู้จักจริงๆ และต้องเก็บเห็ดเมื่อโตเห็นลักษณะครบแล้ว ส่วนเห็ดที่ไม่แน่ใจว่าอาจเป็นเห็ดระโงกสีขาว เห็ดพิษ ไม่ควรแตะต้อง เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพและชีวิตของคนในครอบครัว หากพบผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นต้องทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมามากที่สุด อาจใช้ไข่ขาวหรือใช้เกลือแกงผสมน้ำอุ่นกระตุ้นให้อาเจียน แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์รักษาต่อไป

ท่านสามารถติดตามรับชมความรู้เรื่องเห็ดพิษ ย้อนหลังได้ทางเพจสุขภาพดีกับหมอสวนดอก https://www.facebook.com/SuandokGoodHealth2018/videos/2490921974362206/