mourning ribbon

12 พฤศจิกายน วันปอดอักเสบโลก (World Pneumonia Day) ร่วมรณรงค์ป้องกันโรคปอดอักเสบ ลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในทุกช่วงวัย

12 พฤศจิกายน วันปอดอักเสบโลก (World Pneumonia Day)

.

ร่วมรณรงค์ป้องกันโรคปอดอักเสบ ลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในทุกช่วงวัย องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 12 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันปอดอักเสบโลก (World Pneumonia Day)” เพื่อสร้างความตระหนักรู้และรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกร่วมกันป้องกันโรคปอดอักเสบ หรือโรคปอดบวม ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตทั่วโลก

.

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 12 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันปอดอักเสบโลก หรือวันปอดบวมโลก (World Pneumonia Day) เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคปอดอักเสบหรือปอดบวม ซึ่งเป็นโรคที่มีอุบัติการณ์สูงและเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยที่สำคัญของประเทศไทยเป็นอันดับที่ 6 (อัตราผู้ป่วยใน 1,083.77 ต่อประชากร 100,000 คน โดยมีอัตราป่วยสูงในประชากรที่มีอายุน้อยกว่า 4 ปี และอายุมากกว่า 60 ปี) และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 3 (อัตราการเสียชีวิต 49.7 ต่อประชากร 100,000 คน) (ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2564)

.

กลุ่มเสี่ยงของโรคปอดอักเสบ

• เด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี

• ผู้สูงอายุ

• ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง หรือโรคหลอดเลือดสมอง

• หญิงตั้งครรภ์

• ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาสเตียรอยด์ในระยะยาว

.

 สาเหตุของโรค
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ แบคทีเรียหรือไวรัส เช่น

• ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

• โควิด-19 (COVID-19)

• ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) เชื้อเหล่านี้สามารถเข้าสู่ปอดได้จากการสูดเอาสารคัดหลั่งจากปากและคอ หรือการหายใจเอาเชื้อเข้าสู่ถุงลมปอดโดยตรง สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจติดเชื้อรา หรือเชื้อปรสิตร่วมด้วย

.

อาการที่ควรระวัง

• ไข้ ไอ (มีหรือไม่มีเสมหะ)

• หายใจหอบ เหนื่อย เจ็บหน้าอกขณะหายใจเข้า

• มีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น น้ำมูก คัดจมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว

• หากอาการรุนแรง อาจพบภาวะซึม สับสน อุณหภูมิกายต่ำ ภาวะช็อก หรือหายใจล้มเหลว หากมีอาการหอบเหนื่อย หายใจเร็ว หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน (SpO₂) ต่ำกว่า 90% ควรรีบพบแพทย์ทันที

.

การรักษา

• ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง รักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ และพักผ่อนให้เพียงพอ

• ผู้ป่วยอาการรุนแรง ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดฉีด การให้ออกซิเจน การให้สารน้ำ และการดูแลประคับประคองอย่างใกล้ชิด

.

การป้องกัน

• รับวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine) และRSV vaccine

• สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด

• ล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยทางเดินหายใจ

• พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ข้อมูลโดย:รศ.นพ.อรรถวุฒิ ดีสมโชค หัวหน้าหน่วยวิชาระบบการหายใจ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เรียบเรียงโดย: นางสาวนันทพร ระบิน

ภาพ / ข่าว: งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

.

#วันปอดอักเสบโลก (World Pneumonia Day)#สุขภาพดีกับหมอสวนดอก #MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu