รศ.นพ.จักรกริช กล้าผจญ หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “แม้การนวดแผนไทยจะเป็นศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่หากดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความรู้หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงขั้นพิการได้ ซึ่งมีรายงานทางการแพทย์ที่พบกรณีผู้ป่วยได้รับการนวดคออย่างรุนแรงจนเกิดการฉีกขาดของผนังหลอดเลือดบริเวณคอ ทำให้เลือดเซาะผนังจนส่งผลให้สมองขาดเลือดเฉียบพลันจากการที่หลอดเลือดตีบตัน และกลายเป็นอัมพาตในที่สุด”
นอกจากนั้น ยังมีอวัยวะที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการนวด ได้แก่ กระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง เส้นประสาท ไขสันหลัง รวมถึงอวัยวะภายใน เช่น ตับหรือไต หากถูกกดแรงเกินไป และยังอาจส่งผลเสียต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อหากเทคนิคไม่ถูกต้อง
รศ.นพ.จักรกริช ยังเน้นย้ำถึงข้อห้ามในการนวด เช่น ผู้ที่มีไข้สูง ลิ่มเลือดอุดตัน มีการติดเชื้อทางผิวหนังในบริเวณที่จะนวด หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัด ควรงดการนวดโดยเด็ดขาด ส่วนผู้ที่ตั้งครรภ์ มีโรคหัวใจ หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
“ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น กระดูกพรุน หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกระดูกสันหลังเสื่อมมากๆ ไม่ควรเข้ารับการนวดดัดกระดูก เพราะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมาก แนะนำให้นวดแบบเบาๆ ที่บริเวณกล้ามเนื้อเท่านั้น หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงไปเลย” รศ.นพ.จักรกริช กล่าว
ท้ายที่สุด แพทย์เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการนวดจากหมอเถื่อนหรือสถานบริการที่ไม่มีใบรับรอง เพราะนอกจากเสี่ยงบาดเจ็บแล้ว ยังอาจติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด หรือรับการดูแลผิดวิธีโดยขาดการคัดกรองผู้ป่วยที่มีข้อห้าม
การเลือกใช้บริการนวด ควรตรวจสอบใบอนุญาตผู้ให้บริการ และแจ้งโรคประจำตัวก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้เข้ารับบริการ
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
437